วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Rich Dad Poor Dad (พ่อรวยสอนลูก)

ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรก เมื่อตอนอายุประมาณ 25 ขวบ ฉันอ่านเพราะค้นหาว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองหลุดจากสนามแข่งหนู (งานประจำ) และร่ำรวยได้ ฉันก็ออกไปลองทำนู่น นี่ นั่น ทำได้ ทำดี แต่ความสำเร็จยังไม่โดดเด่น เหนื่อยแต่ไม่คุ้ม (ถ้าคุ้ม ฉันไม่เคยกลัวเหนื่อยอยู่แล้ว)  ... แต่โอนะ ... อย่างน้อย ฉันก็ได้ทำ...ไม่มีอะไร
ติดค้างชีวิต

ตอนนี้ 12 ปีผ่านมาแล้ว ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมานี้ ฉันหยิบมาอ่านอีก รอบ ... ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น ด้วยวุฒิภาวะที่เติบโตขึ้น และรอบคอบขึ้นในการใช้ชีวิต ... ชีวิตกลับมามีความหวังอีกครั้ง และคราวนี้ความสำเร็จต้องโดดเด่น เอาล่ะนี่คือความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากฉันอ่าน Rich Dad Poor Dad อีกครั้ง สิ่งที่ทำผ่านมาเป็นเรื่องคู่ควรทั้งหมดที่ชีวิตได้เรียนรู้


Rich Dad Poor Dad ... เป็นเรื่องราวของ โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ ที่มีพ่อสองคน คือ พ่อรวย (พ่อของเพื่อน ร่ำรวยที่สุดในฮาวาย ด้วยไม่ได้เรียนหนังสือเยอะเหมือนพ่อจน แต่หากมีความรู้เรื่องการบริหารเงิน และมีวิสัยทัศน์ในการให้เงินทำงาน) และ พ่อจน (พ่อของตัวเอง ประสบความสำเร็จในด้านอาชีพ แต่ไม่สำเร็จในเรื่องการเงิน)

ฉันเอาข้อความหนึ่ง จากในเล่มมาฝาก เป็นข้อความที่ฉันตระหนัก และหวาดกลัวกับสนามแข่งหนูเหลือเกิน "ขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป เราควรเปิดใจรับความคิดใหม่ๆ การสนับสนุนให้ลูกเป็นลูกจ้าง จ่ายภาษีให้รัฐบาลจำนวนมากเกือบตลอดชีวิต โดยไม่มีเงินสำรองเลี้ยงชีพในวัยชรา รายจ่ายก้อนใหญ่ที่สุดของมนุษย์เงินเดือน คือ ภาษี จริงๆ แล้ว คนส่วนใหญ่ทำงานตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคมเพียงเพื่อจ่ายภาษีให้รัฐบาล ดังนั้น แนวคิดใหม่ๆ เป็นสิ่งจำเป็น" และหนังสือเล่มนี้ กำลังเสนอสิ่งใหม่ให้เธอ

หากเธอเป็นคนหนึ่งที่ต้องการออกจากสนามแข่งหนู แต่เธอหวาดกลัว ลังเล สงสัย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หยุดการกระทำเพื่อเปลี่ยนชีวิต "เธอลองนึกถึง ตอนจะไปออกกำลังกาย ตอนที่ยากที่สุด คือ ตอนที่ตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไป แต่พอเธอตัดสินใจไป ช่วงที่เหลือต่อไปก็สบายมาก และยิ่งตอนเธอออกกำลังกายจริง เธอก็มีความสุข สนุก และภูมิใจในตัวเองมากๆ" ... นี่แหละอารมณ์ประมาณเดียวกัน
แต่เพื่อให้ความลังเล สงสัย ความกลัว คลี่คลายมากขึ้นไปอีก ... ตั้งใจอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างจริงจัง
แล้วเธอจะเหยียบสุดแรงม้า เพื่อออกจากสนามแข่งหนู่ และมีชีวิตอิสระ อย่างที่ใจอยากมี

ความกล้ว ความลังเล ความสงสัย ความเสี่ยง เกิดจาก ความไม่รู้
เมื่อรู้ก็ไม่กลัว ไม่ลังเล ไม่สงสัย ไม่เสี่ยง

อุ่นไอ ไทยแลนด์

2 ความคิดเห็น: